AAV ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2566 กำไรจาก EBITDA เป็นบวก ขนส่งผู้โดยสารใกล้เคียงไตรมาส 2 พร้อมรุกหนักตลาดภายในประเทศส่งท้ายปี
สถิติที่สำคัญในไตรมาส 3/2566
EBITDA* เป็นบวก อยู่ที่ 389.1 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ (601.3) ล้านบาท
ตลาดภายในประเทศ เติบโตเเข็งเเกร่ง ส่วนเเบ่งการตลาดสูงสุด ร้อยละ 38** โดยไตรมาสนี้ เเม้อยู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ยังมีอัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยสูงที่ร้อยละ 93
ตลาดระหว่างประเทศ มีสัดส่วนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 41 ของผู้โดยสารทั้งหมด อัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ย สูงร้อยละ 85 ตลาดจีนฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยบริษัทได้ปรับแผนเเละบริหารเที่ยวบินอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการเดินทาง
ไตรมาส 3/2566 ขนส่งผู้โดยสารรวม 4.6 ล้านคน อัตราขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยร้อยละ 90 เครื่องบินปฏิบัติการบิน 46 ลำ จากฝูงบินทั้งหมด 54 ลำ โดยอัตราการใช้เครื่องบินสูง 12.8 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน
กรุงเทพฯ, วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 - บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น (“AAV”) ผู้ถือหุ้นของ บจ. ไทยแอร์เอเชีย (“TAA”) เผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 9,898.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 102 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยหากไม่รวมต้นทุนราคาน้ำมัน ต้นทุนต่อหน่วย*** ของบริษัทยังคงลดลงร้อยละ 33 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ในไตรมาสมี มี EBITDA เป็นบวกอยู่ที่ 389.1 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ (601.3) ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ณ สิ้นไตรมาส ทำให้บริษัทมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ (813.5) ล้านบาท ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นการขาดทุนทางบัญชีที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงและไม่ได้ส่งผลกับกระแสเงินสดของบริษัท โดยบริษัทมีขาดทุนสุทธิในไตรมาสนี้เท่ากับ (1,694.7) ล้านบาท ดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุน (4,050.2) ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 3/2566 แม้ว่าบริษัทจะขาดทุนสุทธิ แต่ผลประกอบการดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อเนื่องจากต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นร้อยละ 61 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งมาจากค่าภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำหรับเที่ยวบินในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยากและส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้โดยตรง
“เชื่อมั่นว่าไตรมาสสุดท้าย บริษัทจะมีผลประกอบการที่ดี เพราะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น โดยรุกหนักตลาดภายในประเทศที่มีศักยภาพเเละเราเป็นผู้นำตลาด ควบคู่การปรับกลยุทธ์ในตลาดระหว่างประเทศ รวมทั้งการที่ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ชัดเจน อาทิ โครงการฟรีวีซ่า กลุ่มนักท่องเที่ยวจีน คาซัคสถาน อินเดีย และไต้หวัน ที่ทยอยผ่อนปรนมาตั้งเเต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยเสริมความเชื่อมั่น นอกจากนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องอัตราภาษีสรรพสามิตที่เหมาะสมเร็วๆ นี้ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหนุนทางบวก” นายสันติสุขกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับเป้าหมายตลอดปี 2566 บริษัทยังคงมั่นใจขนส่งผู้โดยสารที่ 20 ล้านคน (9 เดือนเเรก ขนส่งไปเเล้วกว่า 13.8 ล้านคน) อัตราขนส่งผู้โดยสารที่ร้อยละ 87 อัตราความตรงต่อเวลาที่ร้อยละ 90 โดยนำเครื่องบินมาปฏิบัติการบิน 50 ลำ จากฝูงบิน 54 ลำที่มีอยู่ ณ สิ้นปี ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 4 ไทยแอร์เอเชียได้ปรับกลยุทธ์สำคัญ โดยเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตลาดภายในประเทศประมาณร้อยละ 20 จากไตรมาสก่อน เเละเพิ่มบินเส้นทางระหว่างประเทศสู่ คยา กูวาฮาติ อัมห์ดาบาด ประเทศอินเดีย และซัวเถา ประเทศจีน พร้อมคว้าโอกาสในการเติบโต
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังเดินหน้าพัฒนาความยั่งยืนตามเเผน โดยใน 9 เดือนเเรกปี 2566 บจ. ไทยแอร์เอเชีย สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการบินแบบ Green Operating ไปเเล้ว 4.37 กรัมคาร์บอนไดออกไซ์ต่อปริมาณการขนส่งผู้โดยสารรวมทั้งหมด มากกว่าเป้าหมายตลอดปีที่ตั้งไว้ที่ 3.00 กรัม นอกจากนี้ยังร่วมแคมเปญ “เที่ยวดี กรีนดี” กับบริษัท ปันโปรโมชั่น จำกัด ในการพัฒนาทักษะการสร้างเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการสร้างอาชีพให้กับชุมชนเกาะกลางจังหวัดกระบี่ หนึ่งในชุมชนผู้ร่วมโครงการ JourneyD ต้นเเบบด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของไทยแอร์เอเชีย
* กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
** ข้อมูลของบริษัท ประกอบกับข้อมูลของ บมจ.ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย
*** ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิง)